อีเธอร์เรียมคืออะไร

อีเธอร์เรียมเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่เป็นอันดับสองตาม มูลค่าตลาด รองจากบิตคอยน์ นอกจากนี้ยังเป็นแพลตฟอร์มคอมพิวเตอร์แบบไม่รวมศูนย์ที่สามารถเรียกใช้แอปพลิเคชันได้หลากหลาย รวมถึงแอปและบริการทางการเงินแบบไม่รวมศูนย์ (หรือ DeFi)

ทั้งเครื่องมือทางการเงิน เกม ไปจนถึงฐานข้อมูลที่ซับซ้อน ทั้งหมดล้วนทำงานอยู่บนบล็อกเชนอีเธอร์เรียม และศักยภาพในอนาคตของอีเธอร์เรียมนั้นมีข้อจำกัดจากจินตนาการของนักพัฒนาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ดังที่ มูลนิธิอีเธอร์เรียม ที่ไม่แสวงหาผลกำไรกล่าวไว้ว่า: “อีเธอร์เรียมเป็นมากกว่าการชำระเงิน โดยเป็นตลาดกลางของบริการทางการเงิน เกม และแอปที่ไม่สามารถขโมยข้อมูลหรือเซ็นเซอร์คุณได้”

อีเธอร์เรียมทำงานอย่างไร

แอปที่ใช้ Ethereum สร้างขึ้นโดยใช้นวัตกรรมหลัก: “สัญญาอัจฉริยะ” โดยสัญญาอัจฉริยะเหมือนกับสัญญากระดาษทั่วไปที่มีการกำหนดเงื่อนไขข้อตกลงระหว่างฝ่ายต่างๆ แต่สัญญาอัจฉริยะแตกต่างจากสัญญาแบบเดิมๆ คือ จะดำเนินการอัตโนมัติเมื่อมีปัจจัยที่เข้าเงื่อนไข โดยไม่จำเป็นต้องให้ฝ่ายที่เข้าร่วมรับรู้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งของสัญญานั้นเป็นใคร—และไม่จำเป็นต้องใช้ตัวกลางใดๆ

บิตคอยน์กับอีเธอร์เรียมต่างกันอย่างไร?

อีเธอร์เรียมเหมือนกับบิตคอยน์ตรงที่ เป็นโครงการโอเพนซอร์สที่ไม่ได้มีเจ้าของหรือดำเนินการโดยบุคคลเพียงคนเดียว ทุกคนที่มีอินเทอร์เน็ตสามารถเรียกใช้โหนดอีเธอร์เรียมหรือโต้ตอบกับเครือข่ายได้ อย่างไรก็ตาม อีเธอร์เรียมแตกต่างจากบิตคอยน์ ในความสามารถในการสร้างและดำเนินการสัญญาอัจฉริยะ สัญญาอัจฉริยะเปิดใช้งานระบบนิเวศแอปพลิเคชันมากมายบนอีเธอร์เรียม เช่น เหรียญที่มีราคาคงที่ (ซึ่งถูกตรึงไว้กับดอลลาร์โดยสัญญาอัจฉริยะ) แอปการเงินแบบไม่รวมศูนย์ (เรียกรวมกันว่า DeFi) และแอปแบบกระจายอํานาจอื่น ๆ (หรือ dapps)

จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ อีเธอร์เรียมและบิตคอยน์ ทั้งสองได้รับการรักษาความปลอดภัยโดย “นักขุด” ที่ใช้ฮาร์ดแวร์เฉพาะเพื่อแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ที่ยากลำบาก ในเดือนกันยายน 2022 การขุดอีเธอร์เรียมถูกยุติลง และอีเธอร์เรียมเปลี่ยนเป็น Proof-of-Stake (PoS) ขณะนี้ อีเธอร์เรียมได้รับการรักษาความปลอดภัยโดยเครือข่ายเครื่องมือตรวจสอบทั่วโลก ที่ใช้ซอฟต์แวร์ของอีเธอร์เรียมทั่วโลกในขณะที่สเตคโทเค็น ETH จำนวนหนึ่ง ตัวตรวจสอบจะได้รับรางวัลที่สร้างขึ้นในอีเธอร์ (ETH) สำหรับการเข้าร่วมในกระบวนการ และสามารถลดการสเตคของพวกเขาได้หากพวกเขาละเมิดกฎของโปรโตคอล ทุกคนที่มีสเตคใน ETH และคอมพิวเตอร์ที่ตรงตามข้อกำหนดสามารถเป็นตัวตรวจสอบได้

ใครเป็นผู้สร้างอีเธอร์เรียม

ในปี 2013 โปรแกรมเมอร์คอมพิวเตอร์อายุ 19 ปี (และผู้ร่วมก่อตั้งนิตยสารบิตคอยน์) ชื่อ Vitalik Buterin ได้ออกเอกสารประกอบที่เสนอบล็อกเชนที่ยืดหยุ่นสูงที่สามารถรองรับธุรกรรมแทบทุกประเภท ในปี 2014 Vitalik พร้อมกับทีมผู้ก่อตั้งร่วม ได้แก่ Gavin Wood ได้ระดมทุนสนับสนุนการพัฒนาโปรโตคอลอีเธอร์เรียม ด้วยการขายโทเค็นก่อนการเปิดตัว 18 ล้านดอลลาร์สหรัฐใน ในปี 2015 บล็อกเชนอีเธอร์เรียมเวอร์ชันสาธารณะรุ่นแรกที่เปิดตัวในเดือนกรกฎาคมและการทำงานของสัญญาอัจฉริยะเริ่มแผ่ออกไปบนบล็อกเชนอีเธอร์เรียม

ฉันจะสเตคอีเธอร์เรียมได้อย่างไร

Coinbase ทำให้การสเตค ETH ของคุณเป็นเรื่องง่ายและปลอดภัยด้วยคุณสมบัติการสเตคในตัวของ Coinbase ทุกคนสามารถสเตค ETH (มากหรือน้อยตามที่คุณต้องการ) ด้วยการแตะเพียงไม่กี่ครั้งในแอป Coinbase ให้ไปที่หน้าสินทรัพย์ ETHคุณจะเห็นข้อความแจ้งให้สเตค ETH ของคุณETH ที่สเตค (และรางวัล) จะไม่สามารถยกเลิกการสเตคได้จนกว่าการอัปเกรดเครือข่ายอีเธอร์เรียมจะเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ประเมินว่าจะเกิดขึ้นในปี 2023หากคุณต้องการที่จะขายหรือส่ง ETH ที่คุณสเตคใน Coinbase คุณสามารถทำได้โดยการแปลงเป็น CBeth ซึ่งเป็นโทเค็น ETH ที่สเตคและห่อหุ้ม ของ Coinbaseราคาของ cbETH กำหนดโดยตลาดและอาจมีมูลค่าลดลงได้cbETH มีให้บริการในบางภูมิภาคเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ cbETH

เหตุใดราคาของอีเธอร์เรียมจึงมีความผันผวน

เช่นเดียวกับบิตคอยน์ ราคาของอีเธอร์เรียมขึ้นอยู่กับตลาดอุปสงค์และอุปทานทั่วโลก โดยราคาสามารถผันผวนได้ในระยะสั้นเนื่องจากอุปสงค์มีมากกว่าอุปทานและในทางกลับกัน

ฉันจะซื้ออีเธอร์เรียมได้อย่างไร

โดยการสร้างบัญชีบน Coinbase หรือที่บริษัทเทคโนโลยีทางการเงินที่มีชื่อเสียงอื่น ๆ ที่เพิ่มขึ้น คุณสามารถซื้อ, ส่ง, และรับอีเธอร์เรียม 

เผยแพร่: กรกฎาคม 2015