วิธีอ่านกราฟแท่งเทียน

สงสัยใช่หรือไม่ว่าควรจะซื้อเงินดิจิทัลสกุลใด และซื้อในช่วงเวลาไหน หากคุณลองหาความรู้เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล คุณก็น่าจะได้เจอกับแผนภูมิราคารูปแบบหนึ่งที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ซึ่งมีชื่อว่า กราฟแท่งเทียน ลองใช้เวลาสักครู่เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับการทำงานของแผนภูมินี้กัน 

กราฟแท่งเทียนคล้ายกับกราฟและแผนภูมิแท่งทั่วไป โดยเป็นกราฟที่แสดงระยะเวลาที่แกนนอน และแสดงราคาตามแกนตั้ง แต่มีความแตกต่างอยู่ที่ กราฟแท่งเทียนจะแสดงข้อมูลมากกว่ากราฟทั่วๆ ไป ถ้าหากมองเผินๆ คุณจะเห็นข้อมูลราคาสูงสุดและต่ำสุดที่สินทรัพย์ทำเอาไว้ในกรอบเวลาที่ระบุ รวมถึงราคาเปิดและราคาปิดของสินทรัพย์นั้น 

กราฟแท่งเทียนคืออะไร

นี่คือตัวอย่างของกราฟแท่งเทียนของจริง ซึ่งเป็นกราฟแท่งเทียนสำหรับบิตคอยน์ในมูลค่าดอลลาร์สหรัฐจาก Coinbase Pro 

Coinbase Pro: กราฟแท่งเทียน

กราฟแท่งเทียนจะบอกคร่าวๆ ให้คุณทราบได้ทันทีว่า ความเคลื่อนไหวด้านราคาในตลาดนั้นเป็นบวกหรือเป็นลบ และบวกหรือลบมากน้อยแค่ไหน โดยกรอบเวลาที่ปรากฏในแท่งเทียนจะมีความหลากหลายแตกต่างกันไป ยกตัวอย่างเช่น ใน Coinbase Pro กำหนดกรอบเวลาพื้นฐานไว้ที่ 6 ชั่วโมง โดยแท่งเทียนแต่ละแท่งจะแทนช่วงเวลาแบ่งย่อยที่ 5 นาที แต่ผู้ใช้จะกำหนดกรอบเวลาให้สั้นลงหรือยาวขึ้นก็ได้ (และอย่าลืมว่า ตลาดเงินดิจิทัลนั้นเปิด 24 ชั่วโมง ต่างจากตลาดหุ้น ดังนั้นราคา “เปิด” และ “ปิด” จึงเป็นราคาในช่วงเริ่มแรกและช่วงท้ายสุดของกรอบเวลาที่กำหนด) 

รูปภาพแท่งเทียนสีแดงและเขียว ซึ่งแสดงบริเวณที่ระบุราคาเปิดและราคาปิด
  • แท่งเทียนสีเขียวแสดงราคาที่เพิ่มสูงขึ้น ราคาเปิดจึงอยู่ที่ส่วนล่างสุดของเนื้อเทียน และราคาปิดอยู่ที่ส่วนบนสุด แท่งเทียนสีแดงแสดงราคาที่ลดต่ำลง ราคาเปิดจึงอยู่ที่ส่วนบนสุดของเนื้อเทียน และราคาปิดอยู่ที่ส่วนล่างสุด

  • แท่งเทียนแต่ละแท่งมีเนื้อเทียนไส้เทียน ส่วนเนื้อเทียนจะเป็นส่วนที่บอกราคาเปิดและราคาปิดในช่วงกรอบเวลาของแท่งเทียนนั้น 

  • เส้นที่ยาวจากส่วนบนสุดจรดส่วนล่างสุดของเนื้อเทียนคือไส้เทียน ซึ่งไส้เทียนเป็นส่วนที่บอกราคาสูงสุดและราคาต่ำสุดของสินทรัพย์ในช่วงกรอบเวลาการซื้อขาย

กราฟแท่งเทียนบอกอะไรกับเรา

กราฟแท่งเทียนบอกข้อมูลได้มากกว่าความเปลี่ยนแปลงด้านราคาในแต่ละช่วงเวลา โดยเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์จะสังเกตจากรูปแบบต่างๆ ของแท่งเทียน เพื่อใช้เป็นตัววัดทัศนคติในตลาดและคาดการณ์เกี่ยวกับแนวโน้มของตลาดในอนาคต ซึ่งต่อไปนี้คือตัวอย่างบางส่วนของสิ่งที่เทรดเดอร์จะสังเกต 

  • ไส้เทียนยาวที่ส่วนล่างสุดของแท่งเทียนอาจหมายถึงว่า เทรดเดอร์ได้ซื้อสินทรัพย์มาไว้ในครอบครองในช่วงที่ราคาตกลง ซึ่งอาจจะเป็นสัญญาณบ่งชี้ที่ดีถึงแนวโน้มการเติบโตของสินทรัพย์นั้น

  • ส่วนไส้เทียนยาวที่ส่วนบนสุดของแท่งเทียนอาจหมายถึงว่า เทรดเดอร์กำลังมองหาโอกาสทำกำไร ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงแนวโน้มในอนาคตที่จะมีการขายออกในราคาที่ต่ำ

  • หากเนื้อเทียนกินพื้นที่เกือบทั้งหมดของแท่งเทียน และมีไส้เทียนสั้นมาก (หรือไม่มีไส้เทียนปรากฏให้เห็น) ที่ด้านใดด้านหนึ่ง นั่นหมายความว่า ทัศนคติในตลาดมีแนวโน้มไปในทางบวกอย่างมาก (แท่งเทียนสีเขียว) หรือมีแนวโน้มไปทางลบอย่างมาก (แท่งเทียนสีแดง)  

การทำความเข้าใจกับความหมายของแท่งเทียนที่อธิบายถึงความเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ในแต่ละประเภทหรือสภาวะในตลาดใดตลาดหนึ่งนั้น เป็นวิธีการหนึ่งในกลยุทธ์การซื้อขายที่เรียกว่า การวิเคราะห์ทางเทคนิค ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่นักลงทุนนำเอาความเคลื่อนไหวด้านราคาในอดีตมาวิเคราะห์แนวโน้มและโอกาสที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต 

วิธีการอ่าน “สัญญาณจากแท่งเทียนเดี่ยว”

ในบางครั้ง เทรดเดอร์ที่ทำการซื้อขายในกรอบเวลาระยะสั้นมากๆ จะวิเคราะห์จากแท่งเทียนเพียงแท่งเดียว ดังนั้น การศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับ “สัญญาณจากแท่งเทียนเดี่ยว” จะเป็นแบบฝึกหัดที่มีประโยชน์สำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ โดยรูปภาพด้านล่างนี้จะมีสัญญาณจากแท่งเทียนเดี่ยวที่สังเกตได้ทั่วไปอยู่สี่แบบ 

ประเภทของแท่งเทียนที่หลากหลาย
  1. ส่วนไส้เทียนบนยาว เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงแนวโน้มขาลง ซึ่งหมายความว่านักลงทุนเตรียมขายสินทรัพย์เพื่อทำกำไร ยิ่งส่วนไส้เทียนบนยาว สัญญาณบ่งบอกนี้ก็จะยิ่งชัดเจน

  2. ส่วนไส้เทียนล่างยาว เป็นสัญญาณของแนวโน้มขาขึ้นที่นักลงทุนเตรียมซื้อสินทรัพย์ ราคาจึงขยับขึ้น ยิ่งส่วนไส้เทียนล่างยาว สัญญาณบ่งบอกนี้ก็จะยิ่งมีโอกาสเป็นไปได้ 

  3. แท่งเทียน Doji (โดจิ) ซึ่งไม่มีเนื้อเทียน เนื่องจากราคาเปิดและราคาปิดมีมูลค่าเท่ากัน โดยทั่วไปแล้วแท่งเทียนในลักษณะนี้อาจตีความได้ว่ายังไม่มีการตัดสินใจที่แน่ชัดในตลาด และเป็นตัวบ่งชี้ที่เป็นไปได้สำหรับการพลิกกลับของราคาในอนาคตจะเกิดขึ้น (แล้วทำไมต้องเป็นคำว่า “Doji” กราฟแท่งเทียนรูปแบบนี้นำเอามาใช้ครั้งแรกโดยผู้ซื้อขายข้าวชาวญี่ปุ่นในศตวรรษที่ 18 ซึ่ง “Doji” มีความหมายว่า ข้อผิดพลาด และน่าจะนำมาใช้เรียกแท่งเทียนลักษณะนี้ด้วยเหตุผลที่ว่า กรณีที่ราคาเปิดและปิดมีมูลค่าเท่ากันนั้นไม่ใช่กรณีที่พบเห็นได้บ่อยๆ ) 

  4. แท่งเทียนรูปร่ม มีไส้เทียนยาวกว่าปกติที่ส่วนล่างสุด โดยแท่งเทียนรูปร่มสีแดงนั้นจะเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า แท่งเทียนรูปค้อน (Hammer) เมื่อสังเกตเห็นแท่งเทียนรูปค้อน นั่นมักเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าสินทรัพย์นั้นถูกซื้อโดยนักลงทุนเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาของสินทรัพย์เพิ่มสูงขึ้นในอนาคตอันใกล้ ในขณะเดียวกัน ร่มสีเขียวก็มีชื่อเรียกที่ฟังดูไม่ค่อยดีนักอย่าง คนแขวนคอ (Hanging Men) ซึ่งแท่งเทียนลักษณะนี้มักเป็นสัญญาณบ่งบอกว่า ผู้ขายสินทรัพย์เตรียมพร้อมจะขายแลกเงินสด ทำให้แนวโน้มขาขึ้นเกิดการพลิกกลับ

สิ่งสำคัญที่ควรทราบก็คือ สัญญาณจากแท่งเทียนเดี่ยวอาจบอกใบ้ถึงข้อมูลที่สำคัญได้ แต่การอ่านความเคลื่อนไหวของตลาดให้ถูกต้องแม่นยำนั้นจะต้องอาศัยความเข้าใจในบริบทอื่นๆ ร่วมด้วย ซึ่งการจับสังเกตแนวโน้มและรูปแบบต่างๆ ของกราฟแท่งเทียนก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน ลองขอคำปรึกษาจากผู้ให้คำปรึกษาที่เชี่ยวชาญ หากคุณไม่แน่ใจว่ากลยุทธ์การลงทุนแบบไหนที่เหมาะกับตนเอง

ดาวน์โหลดแอป