ความเคลื่อนไหวประจำสัปดาห์ของราคาบิตคอยน์: 7-14 ธ.ค.
หลังจากทุบสถิติสูงสุดตลอดกาลไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาบิตคอยน์ก็มีท่าทีว่าจะแตะ $20,000 ได้อย่างยากลำบาก แม้ว่าธนาคารและบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการประกันหลายแห่งทั่วโลกจะลงทุนกันเป็นจำนวนมาก รวมถึงสร้างโซลูชันการจัดเก็บมูลค่าและจัดทำโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการซื้อขายขึ้นมาก็ตาม แล้วอะไรบ้างที่จะเกิดขึ้นใ นสัปดาห์ต่อๆ ไป ลองดูข้อมูลที่คุณควรทราบจากรายงานประจำสัปดาห์โดยนักวิจัยของ Coinbase
เผยแพร่เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2020
ภาพรวม
หลังจากทุบสถิติสูงสุดตลอดกาลไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา (โดยทำราคาได้สูงสุด $19,300 ในวันที่ 7 ธันวาคม) และถูกพูดถึงจนเป็นประเด็นร้อนอย่างต่อเนื่อง แต่ราคาของบิตคอยน์กลับมีแนวโน้มที่จะแตะ $20,000 ได้อย่างยากลำบาก มีหลายทฤษฎีที่ใช้อธิบายถึงเหตุผลว่า ทำไมราคาจึงยังไม่สามารถแตะขึ้นไปถึงระดับนั้นได้ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยฝ่ายดูแลลูกค้าระดับสถาบันหรือหน่วยงานของเราได้รายงานว่า ลูกค้ามีความกังวลเกี่ยวกับระเบียบและข้อบังคับที่รัฐบาลจะบังคับใช้ และให้ความเห็นว่าระเบียบและข้อบังคับเหล่านั้นเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของราคา แม้ว่าราคาจะชะลอตัวลง แต่ความไม่แน่นอนของระเบียบและข้อบังคับทางกฎหมายก็ดูท่าว่าจะไม่ได้เป็นปัจจัยที่ทำให้การเติบโตของธุรกรรมเงินดิจิทัลหยุดชะงักลง เนื่องจากสถาบันการเงินใหญ่ๆ ทั่วโลกเริ่มมีท่าทีในการสร้างโซลูชันสำหรับการจัดเก็บมูลค่า อีกทั้งยังสร้างแรงสนับสนุนในการซื้อขาย หรือเพิ่มบิตคอยน์ลงในพอร์ตการลง ทุนของสถาบันเองด้วย แล้วเหตุการณ์นี้จะเป็นแค่แนวโน้มชั่วคราว หรือเป็นความเคลื่อนไหวของสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่แบบดั้งเดิมในการผลักดันอนาคตของเงินดิจิทัลกันแน่
ประเด็นสำคัญ
บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการเงินทั้งในชิคาโก ลอนดอน สิงคโปร์ และพื้นที่อื่นๆ ทั่วโลกกำลังศึกษาบิตคอยน์ในเชิงลึกยิ่งขึ้น ความเคลื่อนไหวเหล่านี้เกิดขึ้นไปพร้อมๆ กับแนวโน้มที่สำคัญในปีนี้ ที่นักลงทุนจากสถาบันและหน่วยงานต่างๆ เริ่มเข้ามาลงทุนในเงินดิจิทัลมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่นในสัปดาห์นี้ หนึ่งในบริษัทด้านประกันที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอย่าง Mass Mutual ก็ได้ประกาศว่าทำการซื้อบิตคอยน์ในมูลค่ากว่า 100 ล้านดอลลาร์ (สิ่งที่น่าสังเกตก็คือ แม้ว่า 100 ล้านดอลลาร์จะเป็นมูลค่าที่มากแล้วสำหรับธุรกิจด้านประกันที่มักจะระมัดระวังในการลงทุนอยู่เสมอ แต่ที่จริงแล้วมูลค่านี้คิดเป็นเพียง .04% จากบัญชีเงินลงทุนทั่วไปของ Mass Mutual เท่านั้น)
ในปัจจุบัน โครงสร้างพื้นฐานสำหรับธุรกรรมของบิตคอยน์อยู่ระหว่างการจัดสร้างขึ้นในกลุ่มทุนการเงินทั่วโลก โดยธนาคารด้านการลงทุนจากลอนดอนอย่าง Standard Chartered (ซึ่งมีสินทรัพย์สำหรับบริหารจัดการมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์) ได้ร่วมมือกับ Northern Trust จากชิคาโก (ซึ่งมีสินทรัพย์สำหรับบริหารจัดการมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์) เพื่อสร้างแพลตฟอร์มจัดเก็บเงินดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพในระดับสถาบันการเงิน
ขณะที่ DBS จากสิงคโปร์ บริษัทเอกชนรายใหญ่ด้านการธนาคารที่มีสินทรัพย์สำหรับบริหารจัดการกว่า 1.84 แสนล้านดอลลาร์ (ข้อมูลล่าสุดจากช่วงปลายเดือนมิถุนายน) ก็เตรียมเดินหน้าเปิดบริการซื้อขายบิตคอยน์สำหรับนักลงทุนในนามสถาบันหรือหน่วยงาน รวมถึงลูกค้ารายย่อยที่มีทุนหนาในช่วงต้นสัปดาห์หน้า
ในข่าวของฝั่งยุโรปภาคพื้นทวีป ธนาคารเอกชนในซูริคอย่าง Julius Baer Group Ltd. ก็เตรียม ร่วมมือกับ SEBA Crypto AG ในการคิดค้นโซลูชันสินทรัพย์ดิจิทัลสำหรับลูกค้าทุนหนา และวางแผนที่จะขยายบริการของธนาคารให้ครอบคลุมถึง “การจัดเก็บ การทำธุรกรรม และการลงทุนในสินทรัพย์เหล่านั้น” อีกด้วย ขณะที่ BBVA ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของสเปนที่มีสินทรัพย์ราว 8.4 แสนล้านดอลลาร์ ก็เตรียมที่จะเปิดบริการซื้อขายและดูแลบิตคอยน์ในครอบครอง
แม้ว่าจะมีสัญญาณที่ดีจากสถาบันการเงินทั่วโลกเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน แต่ความไม่แน่นอนของการบังคับใช้ระเบียบข้อบังคับของสหรัฐฯ ก็มีส่วนทำให้แนวโน้มราคาดิ่งลงจากสถิติสูงสุดที่ เคยทำได้ และข้อกังวลอีกข้อก็คือ ความไม่แน่นอนนั้นอาจทำให้บริษัทในสหรัฐฯ เองไม่สามารถแข่งขันในระดับสากลได้อย่างเต็มที่ หลังจากที่ Steven Mnuchin รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ได้เปิดเผยว่าระเบียบและข้อบังคับเกี่ยวกับเงินดิจิทัลกำลังอยู่ในระหว่างการจัดทำให้เสร็จสิ้น ทำให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหลายคนยื่นหนังสือต่อกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เพื่อให้พิจารณาอีกครั้งเกี่ยวกับ “ระเบียบและข้อบังคับที่ยุ่งยากสำหรับกระเป๋าเงินดิจิทัล [บิตคอยน์] ที่โฮสต์ได้ด้วยตนเอง”
ซึ่งจากข่าวลือเกี่ยวกับเนื้อหาของระเบียบและข้อบังคับฉบับใหม่นั้น Brian Brooks อดีตหัวหน้าฝ่ายกฎหมายของ Coinbase และอดีตผู้รักษาการตำแหน่ง Comptroller of the Currency ของสหรัฐฯ จึงได้ออกมากล่าวว่า เขาหวังที่จะเห็น “ความชัดเจน” ในไม่กี่สัปดาห์ต่อจากนี้ เขายังกล่าวเสริมด้วยว่า “ผมคิดว่าเราน่าจะได้ทราบข่าวดีของเงินดิจิทัลอีกมากมายก่อนจะหมดวาระนี้ครับ”
ข้อถกเถียงเกี่ยวกับระเบียบและข้อบังคับนั้นแบ่งออกเป็นสองฝ่ายใหญ่ๆ คือ ข้อถกเถียงที่ว่า ระเบียบและข้อบังคับที่ลดน้อยลงนั้นจะเน้นไปที่ศักยภาพของกฎระเบียบข้อใหม่ๆ ที่ปิดกั้นขีดความสามารถในการแข่งขันของเทรดเดอร์และบริษัทในสหรัฐฯ ในช่วงเวลาที่ทั่วโลกคิดค้นนวัตกรรมต่างๆ ในการส่งเสริมและสนับสนุนเงินดิจิทัล ในขณะที่ Brooks มองประเด็นนี้ในอีกแง่ว่า กฎระเบียบที่กำหนดขึ้นมาเป็นอย่างดีนั้นจะช ่วยสร้างความชัดเจน ซึ่งความชัดเจนนั้นจะช่วยผลักดันให้ผู้เล่นที่เป็นยักษ์ใหญ่แห่งแวดวงการเงินหันมาลงทุนในเงินดิจิทัลกันมากยิ่งขึ้น
ข้อมูลของฝ่ายวิจัยชี้ให้เห็นว่า อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้การเติบโตของราคาชะลอตัวลงในสัปดาห์นี้คือ การทำกำไรของผู้ที่ถือครองบิตคอยน์เป็นจำนวนมาก ซึ่งนี่เป็นเหตุการณ์ที่ฝ่ายวิจัยคาดการณ์ไว้ว่าจะเกิดขึ้นในสัปดาห์ที่แล้วหลังจากราคาพุ่งสูงขึ้น แต่เมื่อใกล้ถึงช่วงปลายปี บวกกับการชะลอตัวลงของตลาด พวกเขาจึงไม่แปลกใจที่ได้เห็นลูกค้าทำการขายเพื่อล็อกกำไร
แนวโน้มและข้อมูลวิเคราะห์เกี่ยวกับบล็อกเชน
แม้ว่าราคาของบิตคอยน์น่าจะไม่เพิ่มสูงขึ้นอีกครั้งในสัปดาห์นี้ แต่ความเคลื่อนไหวของเครือข่ายบิตคอยน์ก็ยังคงมีมากขึ้นเรื่อยๆ อ้างอิงจากข้อมูลของบริษัทด้านข้อมูลตลาดอย่าง Coin Metrics (บริษัทที่อยู่ในพอร์ตการลงทุนของ Coinbase Ventures) จำนวนเฉลี่ยของที่อยู่ที่มีการใช้งานในเครือข่ายบิตคอยน์มีเพิ่มมากขึ้นจนทะยานไปไกลกว่าสถิติสูงสุดตลอดกาลที่เคยทำได้ ซึ่งกิจกรรมความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับบิตคอยน์ก็เพิ่มขึ้นในระดับที่ชะลอตัว โดยเฉลี่ยแล้วมีราวๆ 1 ล้านที่อยู่ที่มีความเคลื่อนไหวต่อวัน ซึ่งตัวเลขดังกล่าวถือว่ามากกว่าช่วงขาขึ้นในตลาดกระทิงเมื่อปี 2017 มากทีเดียว
ต้องการอ่านข้อมูลเพิ่มเติมหรือไม่
ข่าวต่อไปนี้คือส่วนหนึ่งของข่าวมาแรงประจำสัปดาห์เกี่ยวกับเงินดิจิทัลที่นักวิเคราะห์ของ Coinbase แนะนำให้อ่าน
