รับรางวัลสูงสุด 200 ดอลลาร์สหรัฐเมื่อเริ่มต้นใช้งาน
โลโก้ของ Coinbase

ราคา ETH: US$3,114.36

-2.91% (1 วัน)

The Ethereum Merge (ETH) มาแล้ว

ทุกอย่างที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับ The Ethereum Merge

The Merge คืออะไร

การอัปเกรด The Merge คือการเปลี่ยนกลไกฉันทามติของบล็อกเชน Ethereum จากปัจจุบันที่ใช้กลไกแบบ "Proof of Work (PoW)" มาเป็นกลไกแบบ "Proof of Stake (PoS)" ซึ่งเป็นสิ่งที่ตั้งตารอกันมานาน The Merge จะแบ่งกระบวนการออกเป็น 2 ขั้นตอนคือ เรียกว่าการอัปเกรด Bellatrix และ Paris The Merge เริ่มต้นอย่างเป็นทางการด้วย Bellatrix ซึ่งเกิดขึ้นแล้วเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2022 เวลา 11:34:47 น. ตามเวลาสากลเชิงพิกัด Bellatrix คือการอัปเกรดเครือข่ายบนชั้นฉันทามติ (Consensus Layer) หลังจากการอัปเกรด Bellatrix จะตามมาด้วยการอัปเกรด Paris ซึ่งเกิดขึ้นบนชั้นการดำเนินการ (Execution Layer) และจะเปลี่ยนกลไกฉันทามติของ Ethereum จาก Proof of Work (PoW) มาเป็น Proof of Stake (PoS) การอัปเกรด Paris จะเริ่มต้นทำงานเมื่อถึงเกณฑ์ความยากโดยรวมที่กำหนดไว้ ซึ่งเรียกว่าความยากโดยรวมในการขุดบล็อก (Terminal Total Difficulty หรือ TTD) ดังนั้นวันที่แน่นอนในการอัปเกรด Paris จึงยังต้องรอการยืนยัน เพราะขึ้นอยู่กับอัตราการแฮชของกลไก Proof of Work (PoW) เป็นสำคัญ TDD คือเกณฑ์ความยากโดยรวมที่ต้องใช้ในการขุดบล็อกสุดท้ายใน Ethereum พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ TDD หมายถึงจำนวนแฮชแบบคงที่ที่เหลือไว้ให้ขุดจนกระทั่งระบบนำกลไก Proof of Stake (PoS) มาใช้แทนอย่างเป็นทางการ

จะเกิดอะไรขึ้นทันทีหลังจาก The Merge

หลังอัปเกรดเสร็จ Beacon Chain ที่ทำงานบนเครือข่ายอยู่แล้วจะเข้ามารับช่วงต่อกระบวนการตรวจสอบธุรกรรมรายการใหม่ผ่านกลไกแบบ Proof of Stake (PoS) และเลิกใช้กลไกแบบ Proof of Work (PoW) ของเดิมของ Ethereum อย่างถาวร จนถึงปัจจุบัน ตัวตรวจสอบได้สเตค ETH แล้วกว่า 13 ล้านเหรียญบน Beacon Chain และเมื่อ Mainnet (เครือข่ายหลักของบล็อกเชน Ethereum) ผสานรวมกับ Beacon Chain ประวัติธุรกรรมทั้งหมดของ Ethereum รวมทั้งธุรกรรม สัญญาอัจฉริยะ และยอดคงเหลือทุกรายการตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2015 เป็นต้นมา จะถูกผสานรวมด้วยเช่นกัน

ทำไม The Merge ถึงสำคัญ

The Merge ใช้เวลา 6 ปีในการดำเนินการ ซึ่งหลายคนถือว่าเป็นก้าวสำคัญในประวัติศาสตร์ของวงการเงินดิจิทัล เนื่องจากอาจจะสร้างการเปลี่ยนแปลงทางแนวคิดและมีความสำคัญ เหตุการณ์สำคัญนี้ยังช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในตลาดและกระตุ้นการมองโลกในแง่ดีที่จำเป็นต้องเกิดขึ้นเป็นอย่างมากได้ด้วย หลังจากที่ตลาดมีความผันผวนมานานหลายเดือนเนื่องจากปัจจัยต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาวะเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น มีผู้แสดงความคิดเห็นรายหนึ่งกล่าวไว้ The Merge ของ Ethereum "จะพิสูจน์ว่าเครือข่ายแบบไม่รวมศูนย์และไม่ต้องอาศัยการอนุญาต สามารถทำงานได้ในรูปแบบที่ประหยัดพลังงาน" นอกจากนี้แล้ว การผสานรวมแบบนี้ยังเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากมากในอุตสาหกรรมเงินดิจิทัล และอาจจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้วก็ได้

The Merge จะส่งผลกระทบต่อฉันและ ETH ของฉันอย่างไรบ้าง

คำตอบสั้นๆ คือไม่ส่งผลกระทบมากนัก จากมุมมองของผู้ใช้งาน The Merge คาดว่าและควรจะเกิดขึ้นอย่างราบรื่นไร้รอยต่อ Coinbase นำมาตรการป้องกันมาใช้โดยจะหยุดให้บริการฝากและถอนสินทรัพย์ชั่วคราว โดยเฉพาะอย่างยิ่งโทเค็น Ethereum (ETH) ใหม่, ERC-20, Polygon (MATIC), Optimism (OP), PWETH, PUSDC และ PMATIC แต่นอกเหนือจากนี้แล้ว เราไม่คิดว่าเครือข่ายหรือสกุลเงินอื่นๆ จะได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่นำ ETH ไปสเตคไว้ ยอดคงเหลือจะยังไม่ปลดล็อคหรือไม่สามารถเทรดหรือโอนได้ทันทีหลังจาก The Merge โดยคาดว่า ETH ที่สเตคไว้จะได้รับการปลดล็อคและเข้าถึงได้หลังจากโปรโตคอล Ethereum ทำการอัปเกรดเสร็จสมบูรณ์ ปัจจุบันมีการประมาณเอาไว้ว่า การอัปเกรดครั้งนี้จะดำเนินการเสร็จสิ้นในช่วงต้นปี 2023 โปรดติดตาม

กำหนดการ The Merge ที่คาดการณ์ไว้

15 ก.ย. 2565

ภาพการเปลี่ยนกลไกจาก Proof of Work (PoW) มาเป็น Proof of Stake (PoS) ด้วย The Merge ของ ETH

หากมีคำถามเกี่ยวกับ The Merge ของ ETH เรามีคำตอบ

เรามาถึงเส้นชัยแล้วอย่างเป็นทางการ หลังจากที่มีการเลื่อนหลายครั้งเนื่องจากความซับซ้อนทางเทคนิค รวมถึงเงินจำนวนมหาศาลที่อาจจะตกอยู่ในความเสี่ยง ในที่สุด The Merge ก็มาถึงแล้ว

กำหนดการที่แน่นอนของ The Merge ยังต้องรอการยืนยัน ในขณะที่เราเข้าใกล้เกณฑ์ความยากโดยรวมในการขุดบล็อก (Terminal Total Difficulty หรือ TTD) ที่กำหนดไว้มากขึ้นเรื่อยๆ ณ ตอนนี้ วันเวลาที่แน่นอนของ The Merge ยังต้องปล่อยให้คาดเดากันไปก่อน แต่นั่นไม่ได้หยุดความตื่นเต้นในการเฝ้ารอ The Merge ที่ทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ นักพัฒนาเครือขาย Ethereum รวมทั้ง Tim Beiko ต่างก็ตื่นเต้นและมองความสำเร็จของการอัปเกรด Bellatrix ในแง่บวก ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจแต่อย่างใด ตอนนี้ การอัปเกรด Bellatrix ดำเนินไปได้ด้วยดี โดยยังเหลืออีกหนึ่งอุปสรรคขั้นสุดท้ายที่ต้องผ่านไปให้ได้ก่อนที่ The Merge จะเสร็จสมบูรณ์ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นักพัฒนาที่ทำงานในโปรเจ็กต์นี้ออกมายอมรับว่าพวกเขาเองก็ตื่นเต้น พร้อมทั้งเน้นว่า The Merge สำคัญแค่ไหน เมื่อพิจารณาจากสิ่งที่นำมาเดิมพัน

การที่ Ethereum เปลี่ยนมาใช้กลไกแบบ Proof of Stake (PoS) คาดว่าจะลดการใช้พลังงานลงได้ถึง 99% จึงถือว่าเป็นกลยุทธ์การพัฒนาขั้นต่อไปของ Ethereum การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไม่เพียงเป็นที่ตั้งตารอ แต่ยังเป็นพัฒนาการที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจากต้นทุนพลังงานกำลังพุ่งสูงขึ้นทั่วโลก แต่ถึงอย่างนั้น การเปลี่ยนมาใช้กลไกแบบ Proof of Stake (PoS) ใช่ว่าจะมีแต่คนเห็นด้วยไปเสียทั้งหมด มีการโต้แย้งที่สมเหตุสมผลเกี่ยวกับกลไก Proof of Stake (PoS) นั่นคือกลไกแบบ Proof of Stake (PoS) อาจทำให้ความมั่งคั่งกระจุกตัวอยู่แค่ในหมู่ตัวตรวจสอบกลุ่มเล็กๆ และสร้างอุปสรรคที่ทำให้เข้ามาใช้ประโยชน์จากบล็อกเชนได้ยากขึ้น แต่หลายคนเชื่อว่าในที่สุดแล้ว ข้อดีจะมีน้ำหนักมากกว่าข้อเสีย โดยเฉพาะในแง่ของความปลอดภัยบล็อกเชนและความสามารถในการปรับขนาดในระยะยาว กลุ่มผู้สนับสนุนโต้แย้งว่า การเปลี่ยนมาใช้กลไก Proof of Stake (PoS) จะทำให้ Ethereum แข็งแกร่งและมีความไม่รวมศูนย์มากขึ้น จากคำพูดของ Buterin เป้าหมายของการอัปเกรดเครือข่าย Ethereum คือ ทำให้ทุกคนสามารถรับบทบาทเป็นตัวตรวจสอบของ Ethereum ได้โดยไม่ต้องใช้เงินทุนและทักษะเหมือนอย่างที่ต้องใช้ในการขุดเหมือง การกระจายศูนย์เช่นนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อชั้นฐานของ Ethereum อีกทั้งยังมีประสิทธิภาพในการปกป้องความยั่งยืนและอนาคตของบล็อกเชน มีผู้แสดงความคิดเห็นอย่างน้อยหนึ่งรายกล่าวไว้ว่า หากทำได้สำเร็จ การเปลี่ยนแปลงนี้ก็จะเป็นการเปิดประตูให้ Ethereum และขยายกรณีการใช้งาน Ethereum ในอนาคตด้วย

The Merge จะส่งผลอย่างไรต่อผู้ใช้ Coinbase ที่มีอยู่

เราคาดว่าจะไม่มีผลกระทบกับการเทรดในทุกผลิตภัณฑ์ของการเทรดแบบรวมศูนย์ของเรา ในระหว่างที่เกิดเหตุการณ์ที่สำคัญทั้งหมดซึ่งรวมถึง The Merge ผู้ใช้ทั้งหมดจะต้องระมัดระวังมิจฉาชีพอยู่เสมอ สินทรัพย์ของคุณใน Coinbase จะยังคงปลอดภัยดีในช่วงของการเปลี่ยนแปลงโดยที่คุณไม่ต้องดำเนินการใดๆ เพื่อ "อัปเกรด" ETH ของคุณ

เมื่อ The Merge เสร็จสมบูรณ์แล้ว คุณจะเห็นยอดคงเหลือของ ETH ที่สเตค (ETH2) อยู่ในกระเป๋าเงิน Ethereum (ETH) ของคุณ โปรดทราบว่าจะไม่มีโทเค็น ETH2 ETH2 เป็นชื่อที่ใช้ซื้อขายใน Coinbase ที่ใช้แทน ETH ที่สเตค ซึ่งจะไม่ใช้อีกต่อไปหลังจาก The Merge สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมว่า The Merge จะส่งผลอย่างไรต่อลูกค้า Coinbase โปรดตรวจสอบบล็อกโพสต์ที่มีข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นก่อนและหลัง The Merge

ฉันจำเป็นต้องทำอะไรบ้างเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับ The Merge

คำตอบสั้นๆ คือไม่ต้องทำอะไรเลย ผู้ใช้และผู้ถือ ETH ไม่ต้องทำอะไรเพื่อปกป้องเงินทุนหรือกระเป๋าเงินของตัวเองเลย ทั้งตอนเริ่มต้นและระหว่าง The Merge

The Merge จะส่งผลกระทบต่อราคาของ Ethereum อย่างไรบ้าง

ณ ตอนนี้ ยังไม่มีผู้ใดทราบแน่ชัด บรรดานักเทรดคาดการณ์กันว่าราคาอาจเคลื่อนไปได้ทั้งสองทาง อีกนัยหนึ่งก็คือ มีบางคนเชื่อว่าราคาจะพุ่งขึ้น ส่วนบางคนมองในทางตรงกันข้าม แต่สิ่งที่ชัดเจนก็คือ อนาคตตลาดสำหรับ ETH หลังการอัปเกรด The Merge นั้นยังไม่สามารถฟันธงได้อย่างแน่ชัด แม้จะพิจารณาความเป็นไปได้ในการใช้นโยบายการเงินแบบเงินฝืดและกิจกรรมของนักพัฒนาบนบล็อกเชนที่มีปริมาณมากขึ้นแล้วก็ตาม การออกเหรียญ ETH คาดว่าจะลดลง 90% และอุปทานโทเค็นโดยรวมอาจลดลงด้วยหากนำปัจจัยเกี่ยวกับการเผาเหรียญและกิจกรรมในเครือข่ายมาพิจารณา แต่สิ่งที่ยังไม่ชัดเจนก็คือ ข้อเท็จจริงดังกล่าวสะท้อนอยู่ในราคาของ Ethereum ไปแล้วหรือไม่และมากแค่ไหน ยิ่งไปกว่านั้น หากนักขุดในปัจจุบันทำการแยกระบบ Proof of Work (PoW) ออกจาก Mainnet ของ Ethereum สิ่งต่างๆ ก็อาจจะยิ่งซับซ้อนขึ้นไปอีก

Coinbase Institutional Research ทำการตรวจสอบทั้งกรณีตลาดกระทิงและกรณีตลาดหมีของ Ethereum ในช่วงรอยต่อสำคัญของบล็อกเชน

ฉันจะสเตค Ethereum ได้อย่างไร

คุณสามารถสเตค Ethereum โดยใช้ Coinbase ได้ Coinbase ช่วยให้ลูกค้าสเตค ETH เพื่อรับรางวัลตอบแทน โดยไม่มีการกำหนดว่าจะต้องสเตค ETH ขั้นต่ำเท่าไหร่ ETH ที่คุณสเตคจะถูกแปลงมาเป็น ETH2 ลูกค้าในสหรัฐอเมริกาที่สเตค ETH อย่างน้อย 100 ดอลลาร์สหรัฐจะมีสิทธิ์ได้รับโบนัส 10% (สูงสุด 30 ดอลลาร์) นอกเหนือจาก APY 4.07% ที่ได้จาก ETH ทั้งหมดที่สเตคไว้ (โดยจะเป็นไปตามข้อกำหนด และสำหรับการสเตคครั้งแรกเท่านั้น เป็นโมฆะในรัฐ NY และ HI)

ราคาของ ETH2 จะเหมือนกับ ETH ทุกประการ และหลังจากอัปเกรดเครือข่าย Ethereum เสร็จสมบูรณ์ ทั้ง ETH และ ETH2 จะกลายมาเป็นโทเค็นเดียวกัน ลงชื่อสมัครใช้เพื่อเปิดบัญชี Coinbase วันนี้ แล้วรับ APY สูงสุด 4.07% จากการสเตค Ethereum สินทรัพย์ที่สามารถใช้ได้และการสเตคจะแตกต่างกันไปตามแต่ละสถานที่

ETH จะกลายเป็น ETH 2 โดยอัตโนมัติหรือไม่ แล้ว Ethereum 2.0 จะเป็นเหรียญสกุลใหม่หรือไม่

เมื่อ The Merge เสร็จสมบูรณ์ จะไม่มีการแบ่งแยกระหว่าง ETH 1 กับ ETH 2 เพราะจะมีการเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Execution Layer และ Consensus Layer ตามลำดับ

ในทางกลับกัน จะมีแต่ Ethereum เท่านั้นในอนาคต ส่วน Ethereum 2.0 ก็ไม่ใช่เหรียญสกุลใหม่หรือสินทรัพย์ของตัวมันเองอย่างที่เข้าใจผิดกัน โดย ETH เดิมของคุณจะทำงานเหมือนกับเมื่อก่อน และจะไม่ได้รับผลกระทบจาก The Merge แต่อย่างใด

The Merge จะทำให้ค่าแก๊สถูกลงหรือไม่

ในระยะสั้น The Merge จะไม่ทำให้ค่าแก๊สถูกลงเพราะการอัปเกรดครั้งนี้เป็นการเปลี่ยนกลไกฉันทามติ (วิธีการที่ Ethereum ใช้ตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรม) เท่านั้น ไม่ใช่การเพิ่มหรือขยายความสามารถของบล็อกเชนแต่อย่างใด

พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ The Merge จะเลิกใช้กลไกแบบ PoW และเปลี่ยนให้บล็อกเชนหันมาใช้กลไกแบบ PoS แทน แต่กระบวนการนี้คาดว่าจะไม่ส่งผลต่อความสามารถของบล็อกเชน เนื่องจากค่าแก๊สเป็นผลพลอยได้จากความสัมพันธ์ระหว่างความต้องการใช้งานกับความสามารถของเครือข่าย โดยไม่เกี่ยวข้องวิธีการที่บล็อกเชนตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรม ดังนั้น The Merge จะไม่ส่งผลต่อค่าแก๊สโดยตรง

จะมีการอัปเกรดอื่นๆ ตามมาอีกหรือไม่หลังจากการอัปเกรด The Merge เสร็จสิ้นลงแล้ว

ยังคงมีชุดการอัปเดตอื่นๆ ที่จะตามมาหลังจาก The Merge การอัปเดตที่คล้องจองเป็นจังหวะกันนี้เรียกว่า The Surge, The Verge, The Purge และ The Splurge The Surge จะรวมถึงการอัปเกรด Shanghai ซึ่งรวมความสามารถในการถอน ETH ที่ค้ำประกันไว้และการแบ่งส่วนระบบ โดยมีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงความสามารถในการปรับขนาดด้วยการกระจายภาระในการประมวลผลและการจัดการข้อมูลจำนวนมากไปทั่วเครือข่าย The Verge จะทำให้ผู้ใช้กลายเป็นผู้ตรวจสอบเครือข่ายได้โดยไม่ต้องจัดเก็บข้อมูลจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นการก้าวกระโดดสู่การไม่รวมศูนย์ The Purge มีเป้าหมายที่จะนำประวัติเครือข่ายเดิมออก และ The Splurge หมายถึงการปรับขั้นตอนก่อนหน้านี้อีกเล็กน้อย

แม้ว่า The Merge จะแสดงเหตุการณ์สำคัญที่ยิ่งใหญ่สำหรับบล็อกเชน Ethereum ก็ตาม แต่แน่นอนว่ายังมีเหตุการณ์ที่น่าจดจำจะเกิดขึ้นอีกมาก ยังมีการอัปเกรดอื่นๆ อีกมากมายที่กำลังจะมาถึง และยังมีเรื่องที่น่าตื่นเต้นอีกมากหลังเหตุการณ์ The Merge ของ ETH

The Merge จะแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการปรับขนาดหรือไม่

แผนเดิมในการแก้ปัญหาด้านการปรับขนาดโดยการแบ่งส่วนระบบก่อนการอัปเกรด The Merge ถูกเลื่อนออกไปเนื่องจากโซลูชันปรับขนาด Layer 2 ได้รับความนิยมขึ้น ปัจจุบัน คาดว่าการแบ่งส่วนระบบจะเกิดขึ้นในปี 2023

การแบ่งส่วนระบบช่วยแยกฐานข้อมูลออกจากกันในแนวนอนเพื่อกระจายโหลด พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ การแบ่งส่วนระบบจะแบ่งภาระหนักในการประมวลผลข้อมูลไปทั่วทั้งเครือข่าย ซึ่งวิธีนี้คาดว่าจะช่วยลดความแออัดและเพิ่มความเร็วในการทำธุรกรรมได้

ทำไม Ethereum ถึงเปลี่ยนมาใช้กลไกแบบ Proof of Stake (PoS)

Ethereum เปลี่ยนจากกลไกแบบ Proof of Work (PoW) มาเป็น Proof of Stake (PoS) เพื่อยกระดับความปลอดภัยของบล็อกเชน ใช้พลังงานน้อยลง ลดอุปสรรคในการเริ่มใช้งานโดยการลดข้อกำหนดเกี่ยวกับอุปกรณ์ และวางรากฐานให้กับการปรับปรุงความสามารถด้านการปรับขนาดในอนาคต

แล้วกลไกฉันทามติแบบ Proof of Work (PoW) กับ Proof of Stake (PoS) แตกต่างกันอย่างไร

Proof of Work (PoW) จะใช้คอมพิวเตอร์ทั่วทั้งเครือข่ายแบบไม่รวมศูนย์ในการยืนยันธุรกรรม ส่วน Proof of Stake (PoS) จะใช้ตัวตรวจสอบที่นำโทเค็นของตัวเอง (ในที่นี้คือ ETH) มาวางเป็นหลักประกันแลกกับโอกาสในการอัปเดตบล็อกเชนด้วยธุรกรรมรายการล่าสุดที่ยืนยันเรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งรับโทเค็นที่มินต์ขึ้นมาใหม่

ต้องการข้อมูลเปรียบเทียบระหว่าง Proof of Work (PoW) กับ Proof of Stake (PoS) เพิ่มเติมหรือเปล่า เข้าไปที่ Coinbase Learn เพื่อศึกษาหัวข้อนี้และข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับเงินดิจิทัลอีกมากมาย

สเตค

ETH

รับ

รางวัล

Ethereum บนโซเชียลมีเดียในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา

บุคคลที่ไม่ซ้ำกันจำนวน 381,725 คนกำลังพูดถึง Ethereum โดยมีการกล่าวถึง และมีความเคลื่อนไหวมากที่สุดเป็นอันดับที่ 4 จากโพสต์ที่เก็บรวบรวม ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา Ethereum มีคะแนนความเชื่อมั่นเฉลี่ยบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียทั้งหมดอยู่ที่ 3.4 จาก 5 คะแนน สุดท้าย Ethereum ได้รับความสนใจน้อยลง โดยมีการเผยแพร่บทความข่าวเกี่ยวกับ Ethereum จำนวน 7 บทความด้วยกัน ลดลง 41.67% เมื่อเทียบกับปริมาณข่าวสารของเมื่อวาน

ผู้คนส่วนใหญ่ใน Twitter มีทัศนคติที่เป็นกลางเกี่ยวกับEthereum มีการทวีตเกี่ยวกับ Ethereum ในแง่บวก 33.48% เมื่อเทียบกับทวีตในแง่ลบที่มีอยู่ 8.05% 58.46% ของทวีตเกี่ยวกับ Ethereum มีทัศนคติแบบเป็นกลาง ระดับความเชื่อมั่นเหล่านี้คำนวณจาก 138381 ทวีต

บน Reddit มีการกล่าวถึง Ethereum ในโพสต์ Reddit จำนวน 4946 โพสต์ และมีความคิดเห็นเกี่ยวกับ Ethereum จำนวน 9158 ความคิดเห็น โดยเฉลี่ยแล้ว มีการโหวตเห็นด้วยมากกว่าการโหวตไม่เห็นด้วยให้กับโพสต์ Reddit และมีการโหวตเห็นด้วยมากกว่าการโหวตไม่เห็นด้วยให้กับความคิดเห็น Reddit

ประวัติโดยย่อของอีเธอร์เรียม

2013

Vitalik Buterin โปรแกรมเมอร์อายุ 19 ปี เผยแพร่เอกสารประกอบ ซึ่งนำเสนอบล็อกเชนที่มีความยืดหยุ่นสูงและรองรับธุรกรรมได้เกือบทุกประเภท

2014

Vitalik Buterin, Gavin Wood และผู้ร่วมก่อตั้งอีกจำนวนหนึ่ง ระดมทุนสำหรับพัฒนาโปรโตคอล Ethereum ด้วยการขายโทเค็นก่อนเปิดตัวเป็นมูลค่า 18 ดอลลาร์สหรัฐ

2015

บล็อกเชน Ethereum เวอร์ชันสาธารณะเวอร์ชันแรกเปิดตัวในเดือนกรกฎาคม โดยฟังก์ชันสัญญาอัจฉริยะก็เริ่มเปิดตัวบนบล็อกเชน Ethereum เช่นกัน

2016

แฮ็กเกอร์โจรกรรมเงินราว 50 ล้านดอลลาร์จาก DAO (ย่อมาจาก Decentralized Autonomous Organization) เพื่อรับมือกับเรื่องนี้ ชุมชนจึงโหวตให้แก้ไขโปรโตคอลเพื่อกู้คืนเงินที่สูญหายไป ส่งผลให้มีการแยกระบบและสร้างบล็อกเชน 2 ส่วน ได้แก่ Ethereum และ Ethereum Classic

2017

มาตรฐาน ERC-20 ถูกสร้างขึ้นและกลายเป็นตัวกำหนดวิธีการสร้างสินทรัพย์บนบล็อกเชน Ethereum CryptoKitties กลายเป็นแอปแรกบน Ethereum ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เปิดตัว MakerDAO นอกจากนี้ Maker ยังเปิดตัวเหรียญที่มีราคาคงที่ของ ETH ตัวแรก นั่นก็คือ DAI อีกด้วย

ปี 2018

DeFi ได้รับความนิยมเนื่องจากการเปิดตัวโปรโตคอลการกู้ยืมอย่าง Compound และแพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนแบบไม่รวมศูนย์ Uniswap จากนั้นก็มีการเปิดตัวเหรียญที่มีราคาคงที่ USDC ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก CENTRE Consortium ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง Coinbase และ Circle โดยเหรียญดังกล่าวมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปีแรกที่ออก  

2020

การอัปเกรดเป็น Ethereum 2.0 เริ่มต้นขึ้นในเดือนธันวาคม การเปลี่ยนผ่านจาก Ethereum 1.0 เป็น Ethereum 2.0 คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 ปีจึงจะแล้วเสร็จ Proof of Stake (PoS) ถูกนำมาใช้กับ Ethereum 2.0 ในระยะแรก ส่วน ETH 1.0 ยังคงใช้ Proof of Work (PoW) เป็นกลไกฉันทามติต่อไป

ปี 2021

มีการอัปเกรดหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็น The Berlin, London และ Altair การอัปเกรด Berlin ช่วยประหยัดค่าแก๊สและเพิ่มการรองรับธุรกรรมประเภทต่างๆ ส่วนการอัปเกรด London ช่วยปรับปรุงตลาดค่าธรรมเนียมธุรกรรมและลดการคืนเงินค่าแก๊สลง นอกจากนี้ ยังมีการวางกำหนดการสำหรับการอัปเกรด Altair ให้กับเชน Beacon ด้วย